ผักเคล มีสารอาหารมากมายไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ ซี ลูทีน ไฟเบอร์ โพรแทสเซียม ทำให้มีส่วนช่วยในเรื่องของการมองเห็น ผิวพรรณ การควบคุมน้ำหนัก หรือแม้กระทั่งช่วยบำรุงหัวใจ ปัจจุบันนิยมทานสดในเมนูสลัด หรือทำเป็นสมูธตี้เพื่อให้ได้สารอาหารเต็มๆ
ผักเคลหรือคะน้าใบหยิก คืออะไร
ใครที่ชอบทานสลัด อาจจะคุ้นหูกับชื่อของผักเคลอยู่บ่อยๆ เนื่องจากผักเคลเป็นผักที่นิยมใส่ในเมนูสลัด โดยผักเคล มีอีกชื่อเรียกว่า ‘คะน้าใบหยัก’ เป็นผักที่อยู่ในตระกูลเดียวกับคะน้าและบรอกโคลี ผักเคลมีสรรพคุณเด่นที่ช่วยบำรุงรักษาร่างกาย และเป็นผักที่มีวิตามิน A สูง ช่วยบำรุงสายตาได้ดี นับว่าตอบโจทย์กับการดำเนินชีวิตประจำวันที่คนเราใช้สายตาอยู่กับหน้าจอเป็นหลักได้อย่างดี
มองเห็นได้ดีขึ้นใน 4 มิติ
NEXT GEN VISION
ผักเคล 2 สายพันธุ์ ยอดนิยมของคนไทย
คนไทยส่วนใหญ่นิยมทานผักเคลอยู่ 2 สายพันธุ์หลักๆ ด้วยกัน ได้แก่ ผักเคลใบหยิก และ ผักเคลไดโนเสาร์ โดยทั้งสองสายพันธุ์จะมีรูปร่างและรสชาติที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
ผักเคลใบหยิก (Curly Kale)
ผักเคลใบหยิก สังเกตได้จากบริเวณใบผักจะมีรอยหยิกรอบๆ ตัวใบ ลำต้นมีความแข็ง ลักษณะคล้ายผักกาดหอม แต่รสชาติจะคล้ายกะหล่ำปลี รสชาติออกขมนิดๆ นิยมนำมาทานเป็นสลัด หรือนำมาปั่นเป็นสมูธตี้
ผักเคลไดโนเสาร์ (Lacinato Dinosaur Kale)
ผักเคลไดโนเสาร์ มีลักษณะใบตรง แต่จะมีรอยย่นบนเนื้อใบ รสชาติจะมีความขมน้อยกว่าเคลใบหยิก นิยมนำมาทำซุป หรือนำมาหั่นบางๆ เพื่อทำสลัด
ประโยชน์ของผักเคล ดีต่อร่างกายอย่างไร
ผักเคล เป็นผักที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นอาหารที่ดี มีคุณประโยชน์สูง อุดมไปด้วยวิตามิน และสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ดังนั้นการบริโภคผักเคลจึงเป็นการบำรุงซ่อมแซมอวัยวะภายในร่างกายหลายส่วนด้วยกัน โดยประโยชน์หลักๆ ของผักเคลมี 8 ข้อดังนี้
1. ช่วยย่อยอาหาร
ผักเคล มีส่วนช่วยในการย่อยอาหารได้ดี เนื่องจากภายในผักเคลมีไฟเบอร์สูง อีกทั้งยังมีสารกลูโคซิโนเลต (Glucosinolates) ซึ่งเมื่อคนเราทานผักเคลเข้าไป สารตัวนี้จะแตกตัวกลายเป็นสารกลุ่มไอโซไธโอไซยาเนท (Isothiocyanates) และกลุ่มอินโดล (Indoles) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยกำจัดของเสียในร่างกาย
2. ช่วยลดน้ำหนัก
ผักเคล เป็นผักที่ให้พลังงานต่ำ อีกทั้งมีใยอาหารสูง ผู้ที่ทานผักเคลแบบปรุงสุกจะได้รับพลังงานเพียงประมาณ 42 แคลอรีต่อถ้วย และได้รับไขมันประมาณ 1.4 กรัม อีกทั้งผักเคลแบบปรุงสุกประกอบด้วยน้ำมากกว่า 100 กรัม ช่วยให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น ทำให้รู้สึกอยากอาหารน้อยลง2
3. ช่วยบำรุงสายตา
อีกหนึ่งประโยชน์สำคัญของผักเคล คือมีวิตามิน A สูง ช่วยบำรุงสายตาได้ ในผักเคล 1 ถ้วยนั้น มีวิตามินเอสูงถึง 206% อีกทั้งในผักเคลยังมีลูทีน (Lutein) ที่ช่วยปกป้องดวงตาของเราจากรังสียูวี ลดโอกาสการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม และโรคต้อกระจกได้อย่างดีอีกด้วย3
มองเห็นได้ดีขึ้นใน 4 มิติ
NEXT GEN VISION
4. ช่วยบำรุงผิวและเส้นผม
ผักเคล นอกจากจะมีวิตามิน A สูงแล้ว ยังมีวิตามิน C สูงอีกด้วย โดยสรรพคุณของวิตามิน C ในผักเคลนั้น มีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณ ทำให้ผิวกระจ่างใส และช่วยบำรุงเส้นผม เสริมให้รากผมให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
5. ช่วยบำรุงกระดูก
ผักเคลช่วยบำรุงกระดูกได้ จากงานวิจัยพบว่ามีปริมาณแคลเซียมในผักเคลสูงกว่าการดื่มนมวัว เมื่อเทียบต่อแคลอรี ดังนั้นเมื่อทานผักเคลจะช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก บำรุงกระดูกให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น
6. ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน
ในผักเคลประกอบไปด้วยไฟเบอร์ และแร่ธาตุแมงกานีส (Manganese) โดยแมงกานีสจะทำหน้าที่ในการเผาผลาญกลูโคส และไขมัน ส่วนไฟเบอร์จะช่วยลดระดับไขมันในเลือดได้ เมื่อระดับไขมันและน้ำตาลในเลือดลดลง ความดันโลหิตจะกลับมาเป็นปกติ นอกจากนี้ไฟเบอร์ยังช่วยลดไขมันเลวในร่างกาย ป้องกันการจับตัวเป็นก้อนของไขมันในเลือดที่เป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน ทำให้ผักเคลมีสรรพคุณช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้อย่างดี
7. ช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจ
ผักเคล มีไฟเบอร์และโพแทสเซียมสูง ช่วยลดระดับความดันโลหิต ช่วยลดโอกาสเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด อีกทั้งไฟเบอร์ยังช่วยลดระดับไขมันเลวในเลือด (LDL) ได้อีกด้วย ซึ่งการมีไขมันเลวในเลือดมากเกินไปจะทำให้มีคอเลสเตอรอลไปเลี้ยงหลอดเลือดแดงมากเกินไป และทำให้หลอดเลือดแดงตีบ และมีความเสี่ยงเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ การลดระดับไขมันเลวในเลือดจึงช่วยลดโอกาสเกิดโรคเกี่ยวกับหัวใจได้
8. ช่วยป้องกันมะเร็ง
ผักเคลมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี ซีลีเนียม และเบตาแคโรทีน ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้เองมีส่วนช่วยในการลดโอกาสเกิดมะเร็งได้ผ่านการป้องกันอาการอักเสบ และอาการผิดปกติของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย
กินผักเคลแบบไหนดี ให้ได้ประโยชน์สูงสุด
บริโภคผักเคลแบบไหนถึงจะดี ให้ได้สารอาหารพร้อมคุณประโยชน์สูงสุด ไปดูกันเลย
กิบผักเคลแบบสด
การบริโภคผักเคลแบบสด ช่วยประหยัดเวลา และลดความยุ่งยากในการปรุงได้ โดยข้อดีของการรับประทานผักเคลแบบสด คือเราจะได้สารอาหารครบถ้วน ไม่ว่าจะวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ โดยผักเคล จะประกอบไปด้วยวิตามินเอ บี ซี และเค พร้อมด้วยแมงกานีส แคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม และธาตุเหล็กอีกด้วย
กินผักเคลแบบปรุงสุก
ผักเคลที่ผ่านการปรุงสุกนั้นแน่นอนว่าผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนมาก่อนแล้ว จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีสารตกค้างอะไรหรือไม่ แต่งานวิจัยพบว่าการนำผักเคลมาปรุงสุกจะทำให้สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินซี และแร่ธาตุบางชนิดหายไป ดังนั้นหากจะนำผักเคลมาปรุงสุก ควรเสริมวิตามินและแร่ธาตุที่ขาดหายไปได้ด้วยการนำส่วนผสมอื่นๆ ที่มีวิตามินและแร่ธาตุเหล่านั้นเข้ามาร่วมด้วย5
กินผักเคลแบบสมูธตี้
การนำผักเคลมาทำสมูธตี้ ช่วยให้รับประทานได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น และสามารถใส่ส่วนผสมเพิ่มเติมให้รสชาติหวาน ละมุน ดื่มง่ายมากขึ้นได้อีกด้วย โดยสมูธตี้ที่มีผักเคลจำนวน 20 กรัม มีสารอาหารมากมายได้แก่ วิตามินเอ 5% วิตามินซี 21% วิตามินเค 67% แมงกานีส 8% และแคลเซียม 4%6 นอกจากนี้ยังอาจลองใส่ผักหรือผลไม้อื่นๆ ลงไป เพื่อเพิ่มรสชาติ และคุณประโยชน์ที่ต้องการได้อีกด้วย
กินเป็นอาหารเสริม
นอกจากการรับประทานผักเคลเป็นอาหารหลัก หรือทำเป็นเครื่องดื่มแล้ว การกินอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของผักเคล จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ไม่แพ้การกินผักเคลสดเลย และเนื่องจากผักเคลเป็นผักที่อุดมไปด้วยวิตามิน A ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา ช่วยให้สายตาดีขึ้น ช่วยลดโอกาสการเกิดต้อกระจกได้อีกด้วย นอกจากนี้ควรมองหาอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของ ซิงค์ และ โอเมก้า 3 ร่วมด้วย เพื่อให้ได้สารอาหารและประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้น
มองเห็นได้ดีขึ้นใน 4 มิติ
NEXT GEN VISION
การเลือกอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของเคล จึงเหมาะกับผู้ไม่มีเวลาเตรียมอาหาร แถมยังได้สารอาหารในสัดส่วนที่พอเหมาะกับความต้องการของร่างกายอีกด้วย
กินผักเคลแบบไหนดี ให้ได้ประโยชน์สูงสุด
จะเห็นได้ว่าผักเคลมีคุณประโยชน์หลายด้านด้วยกัน ทั้งนี้ ผู้ที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ ควรเพิ่มความระมัดระวังในการรับประทานผักเคล ควบคุมปริมาณการบริโภคให้พอเหมาะ เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอันตรายต่อร่างกาย
คนที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
สำหรับผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ควรจำกัดปริมาณการทานผักเคล เนื่องจากผักเคลมีวิตามิน K ที่ช่วยกระตุ้นการแข็งตัวของเลือด จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
คนที่ใช้ยา Beta-blockers
ผู้ที่ใช้ยา Beta-blockers ซึ่งเป็นยาที่จ่ายให้กับผู้ป่วยโรคหัวใจ มีคุณสมบัติในการลดความดันโลหิต ส่งผลต่อระบบหัวใจ ทำให้ผู้ที่ทานยาตัวนี้จะต้องจำกัดปริมาณในการทานผักเคล เนื่องจากผักเคลมีวิตามินและโพแทสเซียมสูง หากทานผักเคลปริมาณมากเกินไป ส่งผลให้ระดับโพแทสเซียมในเลือดสูง ต้านกับฤทธิ์ยาได้4
คนที่เป็นโรคไต
จากที่ได้ทราบกันแล้วว่า ‘ผักเคล’ เป็นผักที่มีทั้งวิตามินและโพแทสเซียมสูง ผู้ที่เป็นโรคไตจะมีค่าโพแทสเซียมในเลือดสูงอยู่แล้ว จึงควรระมัดระวังกลุ่มอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น ผักเคล บรอกโคลี มันฝรั่ง หน่อไม้ เป็นต้น
มองเห็นได้ดีขึ้นใน 4 มิติ
NEXT GEN VISION
สรุป
ผักเคล เป็นผักที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งในไทยและต่างประเทศ เนื่องจากผักเคลเป็นผักที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยบำรุงผิว บำรุงสายตา รวมถึงป้องกันมะเร็งได้อีกด้วย อีกทั้งผักเคลยังเป็นผักที่หาทานได้ง่าย วิธีการทานไม่ซับซ้อน จะทานแบบสดๆ หรือจะนำมาทำสลัดก็ย่อมได้ ทั้งนี้การบริโภคผักเคลจะต้องทานในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย ส่งเสริมให้มีสุขภาพแข็งแรงมากยิ่งขึ้น