ผมร่วง คืออาการที่เส้นผมร่วงเยอะเกินกว่าปกติ อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ โรค หรือพฤติกรรม วิธีดูแล และป้องกันผมร่วงทำได้ง่ายๆ โดยอาจใช้ยา หรืออาหารเสริมเป็นตัวช่วย
อาการผมร่วง เป็นอย่างไร
โดยปกติแล้วคนเราจะมีผมร่วงประมาณ 120-160 เส้นต่อวันอยู่แล้ว ทำให้หลายๆ คนรู้สึกคุ้นชินกับผมที่หลุดร่วง แต่ก็ไม่ควรละเลย เพราะบางครั้งเส้นผมอาจจะหลุดร่วงมากกว่าปกติ ซึ่งสามารถสังเกตได้ดังนี้
- มีก้อนผมกระจุกบริเวณแปรงหวีผม
- จำนวนผมที่อยู่บริเวณท่อระบายน้ำมีมากกว่าปกติ
- ผมบางจนสังเกตเห็นได้ชัด
- ผมบางเป็นหย่อมๆ จนเห็นหนังศีรษะ
ประเภทของผมร่วง มีอะไรบ้าง
อาการผมร่วงมีหลากหลายประเภท เพื่อให้สามารถดูแล และแก้ไขอาการผมร่วงได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเข้าใจสาเหตุและประเภทของผมร่วง จะทำให้ผู้ที่ประสบปัญหาผมร่วงสามารถรับมือและป้องกันกับปัญหานี้ได้ดีมากยิ่งขึ้น
ผมบางกลางศีรษะช้าๆ
ผมบางกลางศีรษะช้าๆ พบได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่อาการที่แสดงนั้นจะแตกต่างกัน โดยในกลุ่มผู้ชายผมจะเริ่มบางไล่จากไรผมไปจนถึงกลางศีรษะ1 ทำให้พื้นที่ของหน้าผากกว้างขึ้น แต่ในกลุ่มผู้หญิงผมจะเริ่มบางจากกลางศีรษะ และกระจายออกเป็นวงกว้าง ยิ่งอายุมาก อาการจะยิ่งชัดเจนมากขึ้น
ผมร่วงเป็นหย่อมๆ
อาการนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะผมบนหัวเท่านั้น แต่ยังอาจเกิดขึ้นในบริเวณอื่นๆ ของร่างกายที่มีเส้นขนได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นขนคิ้ว ขนขา ขนรักแร้ หนวด หรือเครา โดยสังเกตอาการเบื้องต้นได้จากบริเวณขนนั้นจะมีการขาด หรือแหว่งไป แต่หากเป็นพื้นที่หนังศีรษะจะพบว่ามีผมร่วงเป็นหย่อม จนสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
ผมและขนร่วงทั้งตัว
ผมและขนร่วงทั้งตัว เกิดจากการใช้สารเคมีบำบัด เป็นผลกระทบหลังจากการรักษาที่มักจะมีอาการผมและขนตามร่างกายร่วงอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามอาการดังกล่าวเป็นผลข้างเคียงชั่วคราว ใช้เวลาไม่นานมากนักหลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการรักษา จากนั้นผมและขนตามร่างกายจะกลับมาอีกครั้ง1
ผมร่วงแบบกะทันหัน
หนึ่งในอาการผมร่วงที่พบได้บ่อยในยุคนี้ สาเหตุหลักมาจากภาวะความเครียด และตกใจอย่างสุดขีด จนทำให้ผมร่วงกะทันหัน ในผู้ป่วยบางคนมีการเสพติดการดึงผมของตัวเองทั้งแบบรู้ตัว และไม่รู้ตัว จนทำให้ทั้งสุขภาพผม และเซลล์รากผมอ่อนแอ
ผมร่วงและหนังศีรษะลอก
อาการผมร่วง พร้อมกับอาการผิวหนังลอกเป็นขุย ผู้คนส่วนมากอาจเข้าใจผิดว่าเป็นรังแค แต่จริงๆ แล้วเป็นผิวหนังที่ลอกออกมานั้นเอง สาเหตุของอาการผมร่วงลักษณะนี้เกิดจากเชื้อรา กลากเกลื้อน วิธีแก้ไขอาการผมร่วงประเภทนี้ ทำได้โดยการทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะให้สะอาดมากยิ่งขึ้น จะช่วยทำให้อาการผมร่วงลดน้อยลงได้
ผมร่วง เกิดจากอะไร
อาการผมร่วงสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย แต่ตัวกระตุ้นทำให้เกิดผมร่วงของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป ดังนี้
กรรมพันธุ์
ลองสืบค้นดูว่าคนใกล้ตัวในวงเครือญาติมีอาการผมร่วงหรือไม่ เพราะมีความเป็นไปได้สูงที่อาการผมร่วงจะมีสาเหตุมาจากพันธุกรรม โดยเฉพาะผู้ชายจะมีโอกาสผมร่วงเพราะสาเหตุนี้มากกว่าผู้หญิง2
ฮอร์โมนเปลี่ยน
การผันผวนของฮอร์โมนทั้งจากความเครียด หรือภาวะร่างกายตามธรรมชาติ ล้วนมีผลต่อสุขภาพเส้นผม และรากผมโดยตรง ยิ่งในผู้สูงอายุที่ฮอร์โมนลดลง ทำให้ผมสั้นและบางลงอย่างเห็นได้ชัด
ผลข้างเคียงจากยา
การรับประทานยาบางประเภท หรือการรักษาของแพทย์ด้วยสารเคมีบำบัด ก็อาจมีผลข้างเคียงในการทำให้เกิดอาการผม และขนตามร่างกายร่วงได้ด้วย ซึ่งส่วนมากแล้วหลังจากที่หยุดรับประทานยาหรือรักษาด้วยเคมีบำบัดสักพัก เส้นผมและขนตามร่างกายจะกลับมาตามปกติ
ความเครียดสะสม
ความเครียดส่งผลทำให้ฮอร์โมนของร่างกายผันผวน จนทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางตามมา ยิ่งไปกว่านั้นความเครียดที่สะสมโดยไม่รู้ตัว อาจสร้างพฤติกรรมที่ทำร้ายเซลล์รากผม และสุขภาพเส้นผม อย่างเช่นการดึงผมเล่น หากต้องเจอกับสถานการณ์ที่กดดัน หรือเป็นคนที่มีความเครียด ควรหาเวลาว่างเพื่อทำกิจกรรมกำจัดความเครียด หรือผ่อนคลายร่างกาย เพื่อป้องกันไม่ให้ความเครียดสะสมจนฮอร์โมนในร่างกายผันผวน
ผมร่วงจากการทำผม
สาเหตุที่สาวๆ หลายคนมองข้ามคือการทำสีผม หรือฟอกผมด้วยสารเคมีอย่างต่อเนื่อง และไม่ได้บำรุงเส้นผม รวมถึงหนังศีรษะให้ดีมากพอ ทำให้สุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะมีสารเคมีสะสมจำนวนมาก นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการมัด หรือเกล้าผมที่แน่นเกินไปเองก็ทำให้ผมร่วงได้อีกด้วย
อันตรายจากภาวะผมร่วง
นอกจากอาการผมร่วงจะส่งผลโดยตรงกับความสวยงามแล้ว รู้หรือไม่ว่าอาการผมร่วงยังส่งผลกระทบในเรื่องอื่นๆ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพใจอีกด้วย ดังนี้
- ผลกระทบด้านจิตใจ โดยคนที่มีอาการผมร่วงเยอะมากเกินไป หรือผมบางจนสังเกตเห็นได้ชัด อาจสูญเสียความมั่นใจในการใช้ชีวิตอย่างมาก จนไม่สามารถควบคุมภาวะจิตใจของตัวเองได้ ยิ่งบางคนใช้หน้าตาเป็นส่วนหนึ่งของงาน ผมร่วงทำให้ส่งผลต่อหน้าที่การงาน และสถานะทางการเงิน หากไม่สามารถจัดการกับสภาวะทางอารมณ์ได้ มีโอกาสสูงที่จะมีความเครียดสะสม และพัฒนาเป็นภาวะซึมเศร้าได้ในอนาคต
- มะเร็งผิวหนัง สำหรับผู้ที่มีอาการผมร่วงหนักบริเวณกลางศีรษะ หากไม่สวมหมวกเมื่ออยู่กลางแจ้ง หรือทาครีมกันแดดให้เรียบร้อย อาจจะทำให้ผิวหนังบริเวณศีรษะเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้
ป้องกันผมร่วง
การป้องกันผมร่วงนั้นทำได้ง่ายกว่าที่คิด แค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างก็ช่วยทำให้เส้นผมมีสุขภาพดีได้แล้ว ดังนี้
- เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผม เน้นสูตรที่ตอบโจทย์สำหรับคนผมบาง หรือผมร่วงง่าย
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นสารอาหารประเภทโปรตีน และธาตุเหล็กให้มากเป็นพิเศษ
- เลือกกินอาหารเสริมที่มีสารอาหารช่วยบำรุงเส้นผม ป้องกันผมขาดหลุดร่วง เช่น ไบโอติน วิตามินซี ไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน สารสกัดจากอะเซโรลา เชอร์รีเข้มข้น สารสกัดจากเมล็ดองุ่น กรดอะมิโนชนิดไกลซีน แอล-ซิสทีน และแมกนีเซียม ไทรซิลิเคต
- สำหรับผู้ที่เข้ารับเคมีบำบัด ควรสวมใส่หมวกเพื่อป้องกันแสงแดดเสมอ
- หลีกเลี่ยงการมัด หรือรัดผมแน่นๆ
- บริหารความเครียดให้ดี ควรหาเวลาว่างเพื่อทำกิจกรรมผ่อนคลายตัวเองบ้าง
- ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที สำหรับผู้ที่มีผลข้างเคียงจากโรคประจำตัว และเกิดอาการผมร่วงเยอะมากเกินไปจนสังเกตเห็นได้ชัด1
วิธีแก้ผมร่วงทำได้อย่างไรบ้าง
ผู้ที่กำลังประสบกับปัญหาผมร่วง สามารถที่จะชะลอและบรรเทาอาการผมร่วงได้ ด้วยวิธีการแก้ผมร่วง ที่ทำได้หลากหลายวิธี ดังนี้
กินยารักษาผมร่วง
ทางการแพทย์มีตัวยาที่สามารถจัดการกับปัญหาผมร่วงต่อเนื่องอยู่ 2 ตัว คือยาไมน็อกซิดิล (Minoxidil) และยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride) โดยตัวยาทั้งสองตัวจะมีรายละเอียดดังนี้
- ยาไมน็อกซิดิล (Minoxidil) มีทั้งรูปแบบทา และรับประทาน ยาชนิดนี้จะช่วยกระตุ้นการเกิดใหม่ของเซลล์รากผม อีกทั้งยังขยายหลอดเลือดให้เลือดนั้นสามารถไหลเวียนได้ดีมากยิ่งขึ้น จัดเป็นตัวยาที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีผมบาง และผมร่วงหนักได้ดี
- ยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride) เป็นตัวยาที่ต้องใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ และเหมาะกับผู้ชายเป็นหลัก เนื่องจากผู้ชายส่วนมากมีสาเหตุของอาการผมร่วงมาจากกรรมพันธุ์ ตัวยาฟีนาสเตอไรด์จะช่วยลดฮอร์โมน DHT และกระตุ้นเซลล์ผมเพื่อให้ผมงอกเพิ่มขึ้นมา1
กินอาหารเสริมบำรุงผม
ควรเลือกกินอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารอาหารที่ผ่านการวิจัยมาแล้วว่าช่วยกระตุ้นการเติบโตของเส้นผมได้ เช่น สารสกัดจากเมล็ดองุ่น, วิตามินซี, อะเซโรลา เชอร์รีเข้มข้น, และไกลซีน เป็นต้น นอกจากนี้ เพื่อป้องกันผมขาดหลุดร่วงในอนาคต อาจเสริมด้วยไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน, ไบโอติน, และแอล-ซิสทีน
ปลูกผม
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการปลูกผมจะวินิจฉัย และวิเคราะห์อาการผมบางว่ามีลักษณะอย่างไร และจะนำเซลล์รากผมจากพื้นที่อื่นของศีรษะมาปลูกใหม่ในพื้นที่ที่ผมบาง หรือผมแหว่งเพราะหลุดร่วง การปลูกผมเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ และเห็นผลชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม มักมีค่าใช้จ่ายที่สูง
การกระตุ้นรากผม
หากสาเหตุของผมร่วงมาจากการเสื่อมของเซลล์รากผม ที่ทำให้เซลล์รากผมไม่แข็งแรง และทำงานได้ไม่เต็มที่ วิธีการยิงเลเซอร์พลังงานต่ำจะช่วยกระตุ้น และฟื้นฟูเซลล์รากผมให้กลับมางอกเร็ว และมีผมสลวยดกดำได้อีกครั้ง1
11 สารอาหารป้องกันผมร่วง
จากที่ได้กล่าวไปข้างต้นจะเห็นได้ว่าวิธีการรักษาอาการผมร่วงส่วนมากนั้นมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง มาดูอีกหนึ่งวิธีที่เพียงแค่เปลี่ยนวิธีการกินให้ตอบโจทย์ และเน้นเสริมประสิทธิภาพในการทำงานของเซลล์รากผมก็ช่วยแก้ไขอาการผมร่วง หรือผมบางเบื้องต้นได้ดีไม่แพ้กัน โดยสารอาหารที่ช่วยบำรุงการทำงานของเซลล์รากผม มีดังนี้
1. วิตามินบี 7 หรือไบโอติน
ไบโอติน หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อของ วิตามินบี 7 มีคุณสมบัติหลักในการช่วยบำรุงเส้นผม ผิวหนัง และเล็บ และยังถือเป็นวิตามินที่เป็นอาหารหลักของผมกันเลยก็ว่าได้ จึงไม่น่าแปลกใจหลายคนจะคุ้นเคยกับชื่อของไบโอตินตามเซรั่มบำรุงเส้นผมอยู่บ่อยครั้ง3
โดยวิตามินบี 7 มีมากในพวกดอกกะหล่ำ ถั่ว กล้วย และยังพบได้ในปลาแซลมอน ไข่ ตับ และงา อย่างไรก็ดีควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 มื้อเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง และเสริมการทำงานของระบบต่างๆ ภายในร่างกายให้ทำงานได้อย่างเต็มที่
2. วิตามินซี และอะเซโรลา เชอร์รีเข้มข้น
วิตามินซี ช่วยในเรื่องของการลดผมร่วง และยังเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ทำให้เซลล์ในร่างกายแข็งแรง ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกด้วย3
วิตามินซีสามารถพบได้มากตามผลไม้ที่มีรสชาติเปรี้ยวอย่างส้ม มะขาม สตรอว์เบอร์รี ฝรั่ง มะนาว และมะเขือเทศ ซึ่งผลไม้แต่ละชนิดที่แนะนำไปนั้นล้วนหาทานได้ง่าย และยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุ รวมถึงวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายตัวอื่นๆ ได้เพิ่มเติม
3. วิตามินดี
หนึ่งในสาเหตุของอาการผมร่วงคือ ความเครียดสะสมที่ทำให้ระดับฮอร์โมนมีการผันผวน และยังอาจทำให้หลายคนเผลอดึงผมโดยที่ไม่รู้ตัว วิตามินดีช่วยในเรื่องของการลดความเหนื่อยล้า ความเครียด และช่วยต่อต้านภาวะซึมเศร้าได้3
วิตามินดี พบได้ตามน้ำมันตับปลา หรือปลาที่มีไขมันสูงอย่าง แซลมอน และทูน่า นอกจากนี้ยังพบวิตามินดีจำนวนมากในอาหารที่ทำมาจากไข่แดง และนมด้วย อย่างไรก็ดีการรับประทานวิตามินชนิดนี้ควรจำกัดอยู่ที่วันละ 400 IU (10 ไมโครกรัม)
4. ธาตุเหล็ก
ธาตุเหล็ก ช่วยเสริมภูมิต้านทาน และช่วยทำให้เซลล์ต่างๆ ภายในร่างกายทำงานได้เต็มศักยภาพ รวมไปถึงเซลล์รากผมด้วย นอกจากนี้ธาตุเหล็กยังช่วยลดอาการอ่อนเพลียระหว่างวัน พร้อมทำให้รู้สึกตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา และลดความเครียดสะสมได้อย่างดีอีกด้วย4
อาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กส่วนมากมักมีอยู่ในเนื้อสัตว์ และเครื่องในสัตว์ แต่ควรเลี่ยงเวลาท้องว่าง เพราะอาจจะทำให้ปวดท้องและคลื่นไส้ได้
5. เคราติน
เคราตินเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีส่วนช่วยในการบำรุงเล็บ ผิว และเส้นผมให้แข็งแรง และแลดูสุขภาพดี เหมาะสำหรับคนที่มีผมเปราะบาง ผมเกิดใหม่น้อย รวมไปถึงผมบางหลุดร่วงง่าย3
เคราติน พบได้ในอาหารจำพวกเนื้อ นม ไข่ หรือจะเป็นของทานเล่นที่หลายคนชื่นชอบอย่างโยเกิร์ต ก็อุดมไปด้วยเคราติน นอกจากผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงอย่าง สับปะรด และกีวี ก็เป็นที่แนะนำกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากคุณจะได้รับวิตามินซีที่ช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระ ไปพร้อมกับการเสริมเคราตินบำรุงสุขภาพเส้นผม และรากผมให้แข็งแรงไปพร้อมๆ กันอีกด้วย
6. สังกะสี
สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่ทุกคนคุ้นเคย แต่คาดว่าน้อยคนนักที่จะรู้ประโยชน์จากแร่ธาตุชนิดนี้ สังกะสีมีคุณสมบัติหลักในการซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ ทำให้ร่างกายสามารถเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ พร้อมกับแก้ไขปัญหาผมร่วงได้ตรงจุด เนื่องจากแร่ธาตุสังกะสีนี้นี่เองช่วยลดโอกาสในการหลุดร่วงของเส้นผมได้ และลดโอกาสอุดตันของรากผม ให้ลูกผมใหม่สามารถเติบโตเพิ่มจำนวนได้ด้วยในเวลาเดียวกัน3
สังกะสี พบได้ในอาหารอย่าง เนื้อไก่ เนื้อหมู และอาหารทะเล รวมถึงผักสีเขียวยอดนิยมอย่าง ผักโขม อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารประเภทสังกะสีควรรับประทานไม่เกิน 15 มิลลิกรัม
H3: 7. กรดโฟลิก
กรดโฟลิก หรืออีกชื่อหนึ่งคือวิตามินบี 9 สามารถกระตุ้นการงอกของเส้นผมได้ และยังช่วยทำให้เซลล์ต่างๆ ภายในร่างกายทำงานได้ดี พร้อมกับบำรุงเลือด ช่วยให้เลือดสามารถไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงร่างกายได้โดยเต็มศักยภาพมากยิ่งขึ้น5 โดยสารอาหารนี้พบได้ในไข่แดง ตับ ผักคะน้า แครอท หรือตระกูลผักใบเขียวเข้มทั้งหลาย
8. ไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน
ไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน มีกรดอะมิโนที่มีส่วนช่วยในการสร้างเคราติน ซึ่งเคราตินจะเข้าไปบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงและมีสุขภาพดี ช่วยป้องกันผมจากอาการขาดหลุดร่วงได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยเติมเต็มให้ผิวมีความเปล่งปลั่ง ชุ่มชื้น และห่างไกลจากอาการเหี่ยวย่นอีกด้วย6 โดยอาหารที่มีไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน ได้แก่เนื้อสัตว์ เนื้อปลา และผักสีเขียวต่างๆ
9. สารสกัดจากเมล็ดองุ่น
สารสกัดจากเมล็ดองุ่นช่วยกระตุ้นการเติบโตของเส้นผมได้ เนื่องจากในสารสกัดจากเมล็ดองุ่นนั้นประกอบไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 6 และฟลาโวนอยด์ รวมถึงโปรไซยานิดินโอลิโกเมอร์ ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่จะเข้าไปช่วยบำรุงรูขุมขนบนหนังศีรษะ ทำให้เอื้อต่อการเกิดใหม่ของผมได้ นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงผิวหน้า ผิวกาย และเล็บได้อีกด้วย
10. ไกลซีน
ไกลซีน เป็นหนึ่งในกรดอะมิโนที่มีผลวิจัย และรองรับมากมายว่ากรดอะมิโนชนิดนี้สามารถจัดการกับความเครียดได้ พร้อมกับยังช่วยทำหน้าที่อัดฉีดเติมคอลลาเจนใต้ผิว เมื่อร่างกายมีการผลิตคอลลาเจนที่สมบูรณ์มากขึ้น รากผมก็แข็งแรง อัตราการเติบโตของผมก็ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ไกลซีนเป็นหนึ่งในสารอาหารที่คนผมร่วง หรือมีสุขภาพไม่แข็งแรงควรรู้จัก และสามารถกินไกลซีนได้จากอาหารที่มีส่วนผสมของนม ปลา ผักโขม ถั่วเหลือง และกล้วย เป็นต้น
11. แอล-ซิสทีน
แอล-ซิสทีน เป็นกรดอะมิโนที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างโปรตีนที่ทุกคนสามารถหาได้ในเนื้อสัตว์อย่างไก่ เป็ด หมู หรือพืชตระกูลถั่ว คุณสมบัติหลักๆ ของกรดอะมิโนชนิดนี้คือการบำรุงอย่างล้ำลึกให้กับเล็บ ผิว และเส้นผมให้มีสุขภาพที่ดี และยังช่วยลดโอกาสในการหลุดร่วงของเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมร่วงหนักๆ ควรลองเปลี่ยนมื้ออาหารที่มีกรดอะมิโนชนิดนี้เสริมเข้าไปในแต่ละมื้อ
สรุป
อาการผมร่วงเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นอายุที่มากขึ้นทำให้เซลล์รากผมไม่แข็งแรงเท่าแต่ก่อน กรรมพันธุ์ รวมถึงสาเหตุอื่นๆ อีกมาก แต่สามารถป้องกัน และแก้ไขอาการผมร่วงได้โดยง่าย เพียงเปลี่ยนพฤติกรรม และเสริมด้วยสารอาหารที่ช่วยบำรุงเซลล์รากผมให้มีสุขภาพดี เพิ่มความแข็งแรงของเส้นผมด้วยสารอาหารต่างๆ ที่ได้แนะนำไป หากกินอย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอจะช่วยทำให้สุขภาพของผมดีขึ้น ลดอาการหลุดร่วงของเส้นผมที่เคยเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
