ชาเขียวมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้าน ทั้งในด้านความงามและด้านสุขภาพ อีกทั้งยังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถลดน้ำหนักได้อีกด้วย เนื่องจากมีสารที่ช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกาย
1. ชาเขียวลดน้ำหนักด้วยการเพิ่มอุณหภูมิในร่างกาย1
ชาเขียวไม่ใส่น้ำตาล เป็นเครื่องดื่มที่ให้พลังงานต่ำ เหมาะสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก อุดมไปด้วยสารแคททิชิน (Catechin) ที่ช่วยเร่งอุณหภูมิในร่างกายให้สูงขึ้น และเมื่อทำงานร่วมกับคาเฟอีน ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพื้นฐานทั้งในขณะพักและขณะออกกำลังกาย จึงส่งผลให้น้ำหนักตัวลดลง โดยผลจากการศึกษาวิจัยในปี 2022 พบว่า การดื่มชาเขียวอย่างน้อยวันละ 4 แก้ว ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะอ้วนลงพุงในผู้หญิงได้สูงถึง 44% 1
2. ชาเขียวลดน้ำหนักด้วยการลดไขมันสะสม ลดการดูดซึมคอเลสเตอรอล6
ชาเขียวช่วยลดน้ำหนัก โดยการลดปริมาณไขมันที่จะไปสะสมในร่างกาย เนื่องจากมีสาร EGCG ที่เป็นสารกลุ่มโพลิฟีนอล (Polyphenols) โดยจะช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไลเปส ที่ทำหน้าที่ย่อยอาหารประเภทไขมัน และยังยับยั้งเอนไซม์ LCAT ที่ทำให้คอเลสเตอรอลแตกตัวด้วยเช่นกัน จึงทำให้ร่างกายดูดซึมไขมันชนิดไม่ดี (LDL) หรือคอเลสเตอรอลได้น้อยลง และสามารถกำจัดออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น
3. ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อมของเซลล์
ชาเขียวอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น สาร EGCG, แคททิชิน และธีอะฟลาวินส์ มีคุณสมบัติในการปกป้องเซลล์ไม่ให้ถูกทำร้ายจากอนุมูลอิสระที่เกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น แสงแดด มลภาวะ ความเครียด การอักเสบภายในร่างกาย ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ทำให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์ สดใส และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด
4. คุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคเบาหวาน
สารแคททิชินในชาเขียว มีประโยชน์ในการป้องกันโรคเบาหวาน โดยจะช่วยกระตุ้นความไวของอินซูลิน ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์อะไมเลส ซึ่งมีหน้าที่เปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตที่เรากินเข้าไปให้กลายเป็นน้ำตาล และดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย จึงช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล ไม่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
5. ต่อต้านและยับยั้งการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
ชาเขียวมีประโยชน์ต่อหัวใจ เพราะสารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียว มีบทบาทสำคัญที่ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่ก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น ยับยั้งการเคลื่อนที่ของเม็ดเลือดขาวกลุ่มนิวโทรฟิลล์เข้าสู่ผนังหลอดเลือด และยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของไขมันชนิดไม่ดี (LDL) ที่จะทำให้ภาวะหลอดเลือดแข็งตัว รวมถึงยับยั้งการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ ซึ่งจะทำเกิดการอุดตันและนำไปสู่อาการหัวใจวายได้ โดยเมื่อปี 2006 ได้มีการเผยแพร่ผลงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่มีการติดตามผู้เข้าร่วมชาวญี่ปุ่นกว่า 40,000 คนเป็นเวลานานถึง 11 ปี พบว่าผู้ที่ดื่มชาเขียวอย่างน้อย 5 แก้วต่อวัน มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจลดลง3
6. ควบคุมการทำงานของสมองและความดันโลหิต
สาร EGCG ในชาเขียว ออกฤทธิ์ช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลเข้าสู่กระแสเลือด จึงช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันไปเกาะผนังหลอดเลือด ซึ่งหากไขมันเหล่านี้สะสมมากขึ้น จะทำให้เลือดไหลเวียนได้ยาก เสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง หลอดเลือดตีบ หรือหลอดเลือดอุดตันตามมา อีกทั้งยังมีสารธีอะฟลาวินส์ และคาเฟอีน ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดี รวมถึงกรดอะมิโนแอล-ธีอะนีน (L-theanine) ที่ช่วยควบคุมการทำงานของสมอง ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย ลดความวิตกกังวล และนอนหลับได้ดีขึ้น
7. ป้องกันโรคอัลไซเมอร์
ประโยชน์ของชาเขียว คือช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้ เพราะมีสารแคททิชินที่ช่วยปกป้องเซลล์ประสาท ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะสมองเสื่อม และแอล-ธีอะนีน ที่ช่วยเพิ่มการผลิตสารสื่อประสาทกาบา (GABA) ทำหน้าที่รักษาสมดุลของสารเคมีในสมอง ช่วยเสริมสร้างสมาธิ การเรียนรู้ และการจดจำ นอกจากนี้คาเฟอีนในชาเขียว ยังช่วยให้สมองตื่นตัว และทำงานได้ดีขึ้นด้วย
8. ป้องกันฟันผุ และโรคกระดูกพรุน
สรรพคุณของชาเขียวอีกหนึ่งอย่างก็คือ เป็นฟลูออไรด์ธรรมชาติ ช่วยป้องกันฟันผุ มีผลจากการทดลองในห้องปฏิบัติการที่ยืนยันว่า สารแคททิชินในชาเขียว สามารถช่วยลดการเกิดคราบพลัค (Plaque) บนผิวฟัน รวมถึงยับยั้งการเจริญเติบโต และการสังเคราะห์กลูแคนของเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus mutans ที่เป็นสาเหตุของโรคฟันผุ4 นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างมวลกระดูก โดยพบว่าการดื่มชาเขียว 1-3 แก้วต่อวัน ช่วยลดโอกาสเกิดโรคกระดูกพรุนในผู้หญิงวัยทองได้5
9. ลดกลิ่นปาก และแบคทีเรียในช่องปาก
ประโยชน์ของชาเขียว ไม่เพียงแต่จะช่วยป้องกันฟันผุเท่านั้น แต่สารโพลิฟีนอลยังช่วยกำจัดและยับยั้งการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นปาก ทำให้ลมหายใจสดชื่น และช่วยป้องกันการเกิดโรคต่างๆ ในช่องปากได้อีกด้วย
สรุป
ชาเขียว เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพ เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี ที่มีประโยชน์ต่อระบบการทำงานต่างๆ ในร่างกาย เช่น สมอง หัวใจ กระดูก ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบภูมิคุ้มกัน และยังช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้อีกมากมาย โดยเฉพาะโรคที่เป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของการเสียชีวิตอย่าง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน
อย่างไรก็ตามการดื่มชาเขียว ก็ควรจะอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะหากดื่มชาเขียวมากเกินไป อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น นอนไม่หลับจากฤทธิ์ของคาเฟอีนในชา เป็นต้น หรือเลือกบริโภคสารสกัดชาเขียวในรูปแบบของอาหารเสริมชนิดแคปซูล ที่จะทำให้ได้ประโยชน์จากชาเขียวในสัดส่วนที่พอเหมาะ และสะดวกกับการรับประทานเป็นประจำอีกด้วย